ฟิลเลอร์ปากควรเติมกี่ซีซี ?
อยากฟิลเลอร์ปากควรเติมกี่ซีซี ?
ฉีดฟิลเลอร์ปาก (Lip Fillers) คือ การฉีดสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิกแอซิด (Hyaluronic Acid: HA) ที่มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำ เข้าไปที่บริเวณริมฝีปาก ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ทำให้ร่องปากเนียน และยังช่วยเพิ่มเนื้อปาก ปรับขนาดโครงสร้างของริมฝีปาก ทำให้ริมฝีปากมีความอวบอิ่ม เพิ่มรอยยิ้มสดใส และความเซ็กซี่ให้กับใบหน้า
ปัญหาที่ควรเติมฟิลเลอร์ปาก
- ปัญหาริมฝีปากบาง เพื่อให้เห็นขอบริมฝีปากชัดเจน และ มีรูปปากที่สมดุลมากขึ้น
- ปัญหาปากคว่ำ มุมปากตก การฉีดฟิลเลอร์จะช่วยยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ทำให้ปากเป็นรูปยิ้ม
- ปัญหาปากแห้งแตกเป็นร่อง เนื่องจากฟิลเลอร์เป็นสารอุ้มน้ำ การฉีดฟิลเลอร์ปากจึงทำให้ริมให้ริมฝีปากชุ่มชื้น และ ดูอวบอิ่มขึ้น
- ปัญหาปากเหี่ยวขาดคอลลาเจน การฉีดเติมเต็มริมฝีกปากด้วย Hyaluronic Acid เป็นสารที่ช่วยให้ริมฝีปากเต่งตึงขึ้น
ฉีดฟิลเลอร์ปากควรฉีดกี่ CC?
โดยทั่วไป การฉีดฟิลเลอร์ปากสำหรับผู้มีปัญหาปากบาง ปากรูปทรงไม่สวย ปากไม่มีกระจับ จะใช้ประมาณ 1 cc เเต่ถ้าต้องการเพิ่มวอลลุ่มให้ปากดูเซ็กซี่ ฟู และอวบอิ่มมากๆ จะใช้ฟิลเลอร์ประมาณ 2 cc หรืออาจจะมากกว่า โดยแพทย์จะประเมินปริมาณฟิลเลอร์ตามความเหมาะสมเพื่อให้เข้ากับรูปหน้าของเเต่ละคน
ฉีดฟิลเลอร์ปากยี่ห้อไหนดี ?
การฉีดฟิลเลอร์ปากราคาจะแตกต่างกันไปตามแต่ละยี่ห้อแต่ละรุ่นของฟิลเลอร์ และจำนวนซีซีที่ใช้ในการแก้ไข ปรับรูปปาก โดยฟิลเลอร์ที่แนะนำและเหมาะในการฉีดปรับรูปริมฝีปาก คือ Restylane และ Juvederm
ฟิลเลอร์ปาก Restylane
- Restylane Kysse ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด แต่มีความคงตัว สร้างขอบริมฝีปากที่ชัดเจนให้ความชุ่มชื้นและความอวบอิ่ม ออกแบบมาสำหรับใช้เติมเต็มริมฝีปากโดยเฉพาะ อยู่ได้ 12 เดือน
- Restylane Defyne รุ่นนี้เนื้อค่อนข้างแข็งกว่าหลายๆ ตัว เหมาะสำหรับการขึ้นทรง เนื้อกระจายกับผิวได้ดี เหมาะสำหรับผู้ต้องการปรับรูปทรงปาก เพิ่มความอวบอิ่ม อยู่ได้นานประมาณ 12 เดือน
- Restylane Volyme เนื้อนิ่มปานกลาง และมีความยืดหยุ่นสูง อุ้มน้ำ ดูเป็นธรรมชาติไม่เป็นก้อน เหมาะฉีดมุมปาก อยู่ได้ 18 เดือน
- Restylane Vital Light เนื้อละเอียด ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น เหมาะกับผู้ที่ต้องการแก้ไขริมฝีปากแห้ง โดยไม่ต้องเพิ่มความหนามาก อยู่ได้ 6-12 เดือน
ฟิลเลอร์ปาก Juvederm
- Juvederm Ultra Plus เนื้อนิ่ม ฉีดแล้วฟูมาก เหมาะกับคนที่ต้องการปากอวบอิ่มแบบฝรั่ง อยู่ได้ 12 เดือน
- Juvederm Volift เนื้อนิ่ม มีความละเอียด และยืดหยุ่นสูง ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ ไม่เป็นก้อน อยู่ได้ 12 เดือน
- Juvederm Volite เนื้อละเอียด ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น เหมาะกับผู้ที่ต้องการให้ผิวปากชุ่มชื้น อวบอิ่มขึ้นเล็กน้อย อยู่ได้ 8-12 เดือน
- Juvederm Voluma เนื้อแข็ง แน่น ฟูปานกลาง อยู่ได้นานที่สุด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปากอวบอิ่มและอยู่ได้นาน อยู่ได้ 18 เดือน
ประโยชน์ของการฉีดฟิลเลอร์ปาก
- แก้ปัญหารูปปากไม่ได้สัดส่วน เช่น ปากเบี้ยว ปากม้วนเข้า มุมปาก 2 ข้างไม่เท่ากัน เป็นต้น
- แก้ปัญหา ริมฝีปากบางเกินไป หรือริมฝีปากไม่เท่ากัน
- แก้ปัญหาปากเป็นเส้นตรง ไม่เป็นกระจับ
- แก้ปัญหาปากเเห้ง ปากเป็นร่อง ทำให้ทาลิปสติกไม่สวย
- แก้ปัญหามุมปากตก โดยจะยกมุมปากให้ทรงสวยขึ้น
- แก้ปัญหาปากบางเกินไปสำหรับผู้ที่เคยทำศัลยกรรมตัดปากแล้วไม่พอใจ
- แก้ปัญหาขอบปากรูปทรงไม่ชัดเจน
- ส่งให้รูปหน้าโดยรวมมีมิติมากยิ่งขึ้น
- สร้างความเซ็กซี่ และเพิ่มเสน่ห์ให้กับใบหน้า
- สร้างความมั่นใจ เสริมบุคลิกภาพที่ดี
ผลข้างเคียงของการฉีดฟิลเลอร์ปาก
ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นจากการฉีดฟิลเลอร์ปาก ที่เกิดในช่วงแรกจะมีเพียงอาการบวม นูน เป็นก้อน และผิวขรุขระ ซึ่งไม่ร้ายแรง และจะค่อยๆ จางหายไปใน 1-2 สัปดาห์
ฉีดฟิลเลอร์ปากอยู่ได้นานไหม ?
การฉีดฟิลเลอร์ปากให้ผลลัพธ์ประมาณ 6-18 เดือน โดยถ้าเป็นการฉีดเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น ลดความแห้งแตก เป็นการเพิ่มสาร HA ให้ริมฝีปาก จะอยู่ได้ประมาณ 6 เดือน หากฉีดเพื่อเพิ่มความอวบอิ่ม ฟู เพิ่มวอลลุ่มให้ริมฝีปาก จะอยู่ได้ถึง 12-18 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับยี่ห้อที่ใช้และการดูเเลตัวเองหลังฉีด ทั้งนี้เมื่อครบกำหนดเวลา ฟิลเลอร์จะสลายไปตามธรรมชาติ 100%
ฉีดปากกี่วันทาลิปได้?
ภายหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก สามารถกลับมาทาลิปสติกได้หลัง 24-48 ชั่วโมง โดยก่อนหน้านั้น สามารถทาเจลหว่านหางจระเข้ เพื่อลดอาการบวมหรือคันได้ และหลังจาก 14 วัน หากไม่มีอาการผิดปกติบริเวณปาก ผู้ฉีดก็สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ เช่น แต่งหน้า ทาลิปสติก เป็นต้น แต่ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสริมฝีปากด้วยความรุนแรง เพื่อลดการกระทบกับฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไป ซึ่งจะมีผลต่อระยะเวลาการคงสภาพของฟิลเลอร์